ไฟฟ้า 1 เฟส คือ ไฟฟ้าที่ใช้กับ หลอดไฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน จะเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ ระบบ 1 เฟส 2 สาย อธิบายง่ายๆคือสายไฟฟ้าเข้า 2 เส้น จะมีสายที่มีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่ตลอดเวลา เรียกว่า “สายไลน์” จำนวน 1 เส้น และสายที่เดินไว้เฉยๆไม่มีกระแสไฟฟ้าไหล เรียกกว่า “สายนิวตรอน” จำนวน 1 เส้น ทดลองได้จากปลั๊กตามบ้านแบบ 2 ช่อง ลองนำไขควงวัดไฟวัดที่รูเสียบ จะมันช่องหนึ่งที่มีกระแสไฟฟ้า และอีกช่องไม่มีกระแสไฟฟ้า การทำแบบนี้เพื่อให้กระแสไฟฟ้านั้นไหลครบวงจร ส่วนปลั๊กที่มี 3 ช่อง จะมีช่องสายกราวด์ เพิ่มเข้ามาอีก 1 ช่อง เพื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลลงดิน หากเกิดไฟฟ้ารั่วซึ่งระบบไฟฟ้า 1 เฟส 2 สาย จะมีระดับแรงดันไฟฟ้าที่ใช้งานจะอยู่ที่ 230-250 V มีความถี่ 50 Hz
ไฟฟ้า 3 เฟส คือ ระบบไฟฟ้าระบบ 3 เฟส 4 สาย อธิบายง่ายๆคือ สายไฟฟ้าเข้า 4 เส้น จะมีสายที่มีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่ตลอดเวลา เรียกว่า “สายไลน์” จำนวน 3 เส้น และสายที่เดินไว้เฉยๆไม่มีกระแสไฟฟ้าไหล เรียกว่า “สายนิวตรอน” จำนวน 1 เส้น ระดับแรงดันไฟฟ้าที่ใช้งาน หากวัดแรงดันระหว่างสายไลน์กับสายไลน์ แรงดันจะอยู่ที่ 380-400 V แต่หากวัดระหว่างสายไลน์กับสายนิวตรอน แรงดันจะอยู่ที่ 230-250 V ความถี่ 50 Hz ซึ่งระบบ 3 เฟส 4 สายนั้น จะใช้กับเครื่องจักรต่างๆในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ เพราะเครื่องจักรมีขนาดใหญ่ จึงต้องการแรงดันไฟฟ้าสูง ไฟฟ้าระบบนี้ไม่สามารถนำมาใช้กับระบบแสงสว่าง หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านได้โดยตรง
หลายคนคงสงสัยว่าระบบไฟฟ้า 3 เฟส ไม่สามารถใช้กับอุปกรณ์ภายในบ้านได้ แล้วนำมาแนะนำเพื่ออะไร ข้อสงสัยนี้อธิบายได้ไม่ยาก กล่าวคือ ระบบไฟฟ้า 3 เฟสที่จะนำมาใช้ภายในบ้านนั้น ไม่ได้ใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าเครื่องเดียวทั้งหมดโดยตรง แต่เราจะแบ่งไฟฟ้า 3 เฟส ออกเป็น ไฟฟ้า 1 เฟส จำนวน 3 ชุด แล้วกระจายไปตามจุดต่างๆที่อุปกรณ์ไฟฟ้าติดตั้ง การทำในลักษณะนี้ถือเป็นการเฉลี่ยการใช้ไฟฟ้า ทำให้ประหยัดค่าใช้ไฟฟ้าได้